ไข่มุกมหาภัยThe Pearl and Other Novellasผู้เขียน:
John Steinbeck (จอห์น สไตน์เบค)ผู้แปล:
พิชัย รัตนประทีปสำนักพิมพ์:
นาครราคาปกติ 270 บาท ลดเหลือ 240 บาท(ราคานี้ยังไม่รวมค่าจัดส่ง)
+++ รายละเอียดหนังสือ +++ [mr04]
ในโอกาส 116 ปี จอห์น สไตน์เบค ขอนำเสนอ ไข่มุกมหาภัย ที่รวม 3 นวนิยายขนาดสั้นของสไตน์เบคไว้ ได้แก่
1. ไข่มุกมหาภัย (The Pearl)
2. ละครสัตว์มหากาฬ (Burning Bright)
3. หนีตาย (Flight)
ในวาระครบ 116 ปี ของจอห์น สไตน์เบ็ค ณ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561 สำนักพิมพ์นาครมีความยินดีนำเสนอผลงานของนักเขียนรางวัลโนเบลท่านนี้ ด้วยการนำเอานวนิยายสั้น หรือเรื่องสั้นขนาดยาว จำนวน 3 เรื่องมารวมไว้ในที่เดียวกัน เพื่อทำให้เป็น Three Novellas อันเป็นการให้เกียรติและรำลึกถึง
ในห้วงเวลาที่จอห์น สไตน์เบ็ค กำลังรุ่งโรจน์ สำนักงานข่าวสารอเมริกันประจำประเทศไทยยังเคยจัดงานสัมมนานักเขียนในกรุงเทพฯ ว่าด้วยการเขียนและการพินิจวรรณกรรมแนวสังคมนิยม โดยมีงานของจอห์น สไตน์เบ็ค เป็นต้นแบบ ซึ่งวิลาศ มณีวัต ได้บันทึกเรื่องนี้เอาไว้ว่า มีนักเขียนฝ่ายก้าวหน้าในสมัยนั้นเข้าร่วมแลกเปลี่ยนรับฟังเป็นจำนวนมาก ทั้ง ส. บุญเสนอ กุหลาบ สายประดิษฐ์ ฯลฯ แต่ต่อมาได้มีพระราชบัญญัติการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์เกิดขึ้น คำว่าสังคมนิยมในประเทศไทยจึงกลายเป็นคำต้องห้าม การพูดถึง “สังคม” จึงต้องระมัดระวังให้มาก
ในเวลานั้นนวนิยาย “ไข่มุกมหาภัย” คงจะเป็นเรื่องหนึ่งที่กล่าวถึงสภาพสังคมแห่งความแตกต่างและการเอารัดเอาเปรียบ ตัวละครหลักเป็นคนพื้นเมืองที่ยากจน แม้ในตัวบทของเรื่องมิได้บอกว่าพวกเขาคืออินเดียนแดง แต่คนอ่านจำนวนมากก็คิดว่าเป็นแบบนั้น ขณะเมื่อนวนิยายดังกล่าวถูกนำไปอ่านในที่อื่น ๆ ก็ถูกตีความหมายให้แนบชิดกับสังคมนั้น ๆ ตามไปด้วยอย่างกว้างขวาง ความศิวิไลซ์ของโลกที่ล้วนเป็นความหวังและความฝันของมนุษย์ที่จะมีโอกาสเท่าเทียมกัน ถูกบดขยี้ไปจนสิ้นเมื่อสิ่งที่ดูว่าเลิศเลอนั้นมิได้นำพามาถึงซึ่งสันติสุข คำประกาศแห่งความศิวิไลซ์กลับนำพามาซึ่งการเอารัดเอาเปรียบ แสวงหาประโยชน์เฉพาะหมู่ตน สิ่งเลวร้ายมิได้เกิดมาจากขนาดและมูลค่าอันมหาศาลของไข่มุกหรือสิ่งของมีค่าอื่น ๆ แต่เกิดขึ้นท่ามกลางสังคมมนุษย์ที่บอกว่าตนเองศิวิไลซ์ และที่สุด..สิ่งนี้ก็นำพาสังคมไปสู่สงครามเล็กสงครามน้อย สงครามกลางเมือง สงครามโลก และความขัดแย้งที่ไม่รู้จบจวบจนปัจจุบัน
ขณะที่ “ละครสัตว์มหากาฬ” เป็นดั่งเพลิงที่แม้เกิดจากเปลวไฟเพียงเล็กน้อย แต่สิ่งคุกรุ่นที่เกิดขึ้นภายในนั้น พร้อมต่อการแตกประทุตลอดเวลา นวนิยายดังกล่าวได้นำเอาชื่อมาจากบทกวี Burning Bright ของวิลเลียม เบรก (1757-1827) เหมือนอย่างเช่นที่เออร์เนสต์ เฮมิงเวย์ นำเอาบทกวีของจอห์น ดันน์ ในบท For Whom the Bell Tolls มาใช้ในนวนิยาย “ศึกสเปน” โดยนวนิยายของสไตน์เบ็คเรื่องนี้เป็น 1 ใน 3 เรื่องที่ใช้กลวิธีของละคร ก่อนหน้านั้น “เพื่อนยาก” และ “รักระหว่างรบ” ได้รับการตอบรับมาแล้ว โดยระลึกว่าการเขียนในแบบนี้ผู้เขียนต้องรอบคอบรัดกุม เพื่อไม่ให้การนำเสนอหนีออกไปจากเนื้อเรื่องหลัก
และสุดท้าย “หนีตาย” เรื่องของคนเล็ก ๆ ที่หนีไม่พ้นสังคมการไล่ล่า แม้ว่าในชีวิตจริงโอกาสของพวกเขาแทบไม่เหลือสิ่งใด ๆ แล้วก็ตาม ในบริบทของสังคมโลกกว้าง ภาวะแห่งสังคมที่เดินตามวาทกรรมของโลกสมัยใหม่ ที่สร้างเมืองขึ้นมาเพื่อแลกเปลี่ยนค้าขายนั้น ดูจะบีบให้คนเล็กคนน้อยที่ไม่อยู่ในกระแสความเป็นไปให้หมดความหมาย แม้แต่ศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ก็แทบไม่มีเหลือ แม้จะหลีกหนีไปอย่างไร แต่สิ่งที่รุกรานก็ไล่ล่าตามไปในที่สุด
Three Novellas จากผลงานการแปล พิชัย รัตนประทีป ที่สำนักพิมพ์นาคร ได้นำมารวบรวมไว้ใหม่อีกครั้งในกาลบัดนี้ ผู้สนใจวรรณกรรมคงจะได้นำเรื่องราวทั้งหมดนี้ไปแต่งเติมสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นฉาก เครื่องแต่งตัว และธรรมชาติต่าง ๆ เข้าไปตามแต่บทบาทแห่งเวทีชีวิตของแต่ละคน เหมือนกับความปรารถนาที่จอห์น สไตน์เบ็ค มุ่งหวังในตอนที่เขียนนวนิยายที่เป็นดั่งบทละคร
ขอคารวะ 116 ปี จอห์น สไตน์เบ็ค ด้วยผลงานชุดนี้