พ่อกอริโยต์ (Le Pere Goriot)
ผลงานของ ออนอเร่ เดอ บัลซัค (Honore de Balzac)
แปลโดย ลัดดา วงศ์สายัณห์, วัลยา วิวัฒน์ศร
สำนักพิมพ์ ผีเสื้อ
หนังสือมือหนึ่งสภาพเก่า ปกและสันอาจมอมช้ำเล็กน้อย
ราคาปกติ 264 บาท ลดเหลือ 237 บาท
(ราคานี้ยังไม่รวมค่าจัดส่ง)
+++ รายละเอียดหนังสือ +++ [mr06]
** 1 ใน 1001 หนังสือที่ห้ามพลาดในชาตินี้
(1001 Books You Must Read Before You Die)
ด้านมืด ชั้นสูง - ชั้นต่ำ เท่ากัน
๑๖๖ ปีแล้วที่ออนอเร่ เดอ บัลซัค เขียน 'พ่อกอริโยต์' ขึ้นมา เมื่อมานั่งอ่าน 'พ่อกอริโยต์' ในวันนี้ วันที่สำนักพิมพ์ผีเสื้อจัดพิมพ์ขึ้น เนื่องในวาระ ๒๐๐ ปี ของนักเขียนผู้ซึ่งได้รับคำยกย่องว่าเป็น นโปเลียนแห่งอาณาจักรวรรณกรรม เกิดความรู้สึก ๒ อย่าง
อย่างแรก อ่านหนังสือจบลงให้นึกไปถึงข้อเขียนของ วัลยา วิวัฒน์ศร เกี่ยวกับประวัติของ ออนอเร่ เดอ บัลซัค ที่ลงในมติชนสุดสัปดาห์เมื่อไม่นานมานี้
เพราะตัวละคร โดยเฉพาะนักศึกษากฎหมายหนุ่มนาม 'เออแฌน เดอ รัสตินยัค' ผู้ซึ่งหลงใหลในเงินตราและอำนาจในสังคมปารีส และพยายามถีบตนเข้าสู่สังคมชั้นสูง โดยมีคุณธรรมลึกๆ ในใจถ่วงดุลเอาไว้ให้เกิดดุลยภาพเหมือนตัวจริงของ 'ออนอเร่ เดอ บัลซัค'
ดูประหนึ่งเขาถอดเอาชีวิต ซึ่งไม่รู้ว่าเขามองเป็นด้านมืดของตัวเองหรือเปล่ามาสะท้อนผ่านตัวละครนี้อย่างตรงไปตรงมา
ความรู้สึกที่สองคือ ถึงหนังสือเล่มนี้จะเขียนขึ้นเมื่อ ๑๖๖ ปีมาแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเนื้อหาในหนังสือเพิ่งถูกเขียนขึ้นมา เพื่อสะท้อนด้านมืดของคน โดยไม่เลือกว่าคนคนนั้นจะอยู่ในสังคมชั้นสูงหรือสังคมชั้นต่ำ
คงเป็นดั่งที่ ลัดดา วงศ์สายัณห์ และวัลยา วิวัฒน์ศร ผู้แปลเขียนไว้ในคำนำว่า บัลซัคกำลังบอกผู้อ่านว่า สังคมมิต่างไปจากธรรมชาติ สังคมมีอิทธิพลต่อมนุษย์เช่นเดียวกับที่ธรรมชาติมีต่อสัตว์
เพราะสังคมมีอิทธิพลต่อมนุษย์มากตามที่เขาเชื่อมากกระมัง ตัวละครในพ่อกอริโยต์จึงถูกอิทธิพลของสังคมดึงดูดเข้าไปเป็นเหยื่อของมันอย่างมีพลัง
สังคมชั้นสูงแห่งปารีส มีมนต์เสน่ห์อย่างลึกล้ำ ดึงดูดให้ผู้คนไหลบ่าเข้ามาหาอย่างหน้ามืดตามัว
หน้ามืดตามัวเพราะหลงใหลกับความหรูหราฟูฟ่าเพริศแพรวสวยงาม
แต่เบื้องหลังของภาพอันสวยงามนั้น กลับเต็มไปด้วยเปลือก ความปลิ้นปล้อนหลอกลวง ศีลธรรมเสื่อมโทรม สมสู่ชู้สาวโดยไร้ความจริงใจ ใช้มันเป็นเพียงสะพานทอดไปสู่การกอบโกยความร่ำรวย และมีวาระซ่อนเร้นมากมาย
ต่างฝ่ายต่างสวมหน้ากากเข้าหากัน ไร้ความจริงใจ พร้อมที่จะแทงกันทั้งข้างหน้าข้างหลังตลอดเวลา
แต่ถึงจะเลวร้ายเพียงนั้น ก็กลับมีเหยื่อที่ยินยอมพร้อมใจเดินเข้าไปต้องมนต์อันมีเสน่ห์นั้น แถมยังแพร่พันธุ์เชื้อไปทุกหนแห่ง และยังคงเป็นอมตะอย่างทุกวันนี้
ผ่านไปแล้ว ๑๖๖ ปี สิ่งที่ออนอเร่ เดอ บัลซัคเขียน สภาพสังคมสองหน้าที่ปลิ้นปล้อนหลอกลวงในหนังสือก็ยังคงดำรงอยู่ และยังคงแพร่ทั่วไปไม่เว้นแต่สังคมไทย
ออนอเร่ เดอ บัลซัค สร้างตัวละครในหนังสือพ่อกอริโยต์ ให้เดินขนานเคียงข้างกันไป ๒ ฝ่าย
ตัวละครฝ่ายหนึ่งเป็นเหล่าชนชั้นสูงที่งามแต่เปลือก
ตัวละครอีกฟากหนึ่งเป็นจอมโจรที่แฝงอยู่ในคราบของคนสุจริต
ทั้งสองฝ่ายมีส่วนในการดึงหรือให้คำแนะนำแก่ เออแฌน เดอ รัสตินยัค ผู้ซึ่งเป็นประหนึ่ง 'คนหน้าใหม่' และเป็นประหนึ่งตัวแทนของ 'บัลซัค' ให้เข้าไปเป็นพวก
ทั้งสองฝ่ายล้วนมีด้านดีและด้านมืดของตนเอง จนยากจะเปรียบเทียบได้ว่า ระหว่างชนชั้นสูง และจอมโจรนั้นแท้จริงแล้วใครเลวร้ายกว่ากัน ทั้งสองฝ่ายพยายามยื้อยุดเอาคนหน้าใหม่มาเป็นพวก
แล้วจะมีอะไรดึงดูดดีเท่าด้านมืดเล่า---
---คำแนะนำของมาดามเดอโบเซอองด์ ที่ล่องลอยอยู่ในสังคมชั้นสูงและคำแนะนำของจอมโจร โวแทร็ง ที่เชี่ยวชาญอยู่ในแวดวงอาชญากรรม ที่มีต่อเออแฌน เอ รัสตินยัค นักศึกษากฎหมายหนุ่ม
แม้จะแตกต่างทางด้านชนชั้น แต่ก็แทบไม่ได้มีความแตกต่างในเรื่อง 'ความเลวร้าย' เลย
หรือในด้านมืดของคนและของสังคมไม่มี 'ชนชั้น'
ในด้านเลวร้าย ทุกอย่างเสมอกันอย่างนั้นหรือ---
จากคอลัมน์ ร่มรื่นในแนวคิด โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ขร
มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับที่ ๑๐๐๙
๒๑ ธันวาคม ๒๕๔๒
ท่านจะเห็นได้จากพ่อกอริโยต์ ในฐานะนวนิยาย Realistic ว่า นวนิยายนี้ ผู้เขียน เขียนอย่างจริงจัง ละเอียดรอบคอบ กล่าวถึงปัญหาชีวิตของบุคคลในสมัยนั้นๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ สิ่งแวดล้อม ตลอดจนฐานะในสังคม ผู้อ่านจะเพลิดเพลินเหมือนกับได้อ่านประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศสในยุคหลังการปฏิวัติฝรั่งเศส ค.ศ. ๑๗๘๙ ท่านจะได้รู้ถึงบุคคลในฐานะต่างๆ อันได้กล่าวไว้ในเรื่องเกี่ยวกับหอพักชั้นกลางแห่งหนึ่งในกรุงปารีส ถนนเนิบแซ็งต์-เฌอนิว แยฟ ระหว่างย่านการ์ติเยร์ลาแต็งกับย่านโปบูรก์ แซ็งต์-มาร์โธ่ ชื่อ 'หอพักโวเกร์' ตั้งมาร่วมสี่สิบปีแล้ว รับทั้งชายและหญิง หนุ่มแก่ เป็นหอพักที่มีระเบียบชื่อเสียงดี เจ้าของชื่อ มาดามโวเกร์, ชิลวี่ แม่บ้านผู้ช่วยของมาดามโวเกร์, เออแฌน เดอ รัสตินยัค นักกฎหมายชาวใต้ลักษณะมาจากครอบครัวผู้มีตระกูล และคนอื่นๆ เช่น คริสตอฟ, โวแทร็ง ฯลฯ เออแณน เดอ รัสตินยัค ซึ่งเป็นผู้แก้ไขปัญหาของพ่อกอริโยต์
ผู้เฒ่ากอริโยต์อายุประมาณ ๖๙ ปีว่า ที่จริงเคยเป็นคนร่ำรวยในฐานะพ่อค้าแป้งสาลี หลังจากการปฏิวัติฝรั่งเศสเมื่อค.ศ.๑๗๘๙ เขาได้โอนเงินจำนวนมหาศาลให้ลูกสาว ๒ คน เพื่อจะได้มีเกียรติเป็นภรรยาขุนนางมีบรรดาศักดิ์เป็นเคาน์เตส และบารอนเนส จนพ่อกอริโยต์ต้องใช้ชีวิตอย่างเจียมตัวและเสียสละให้ลูกสาวทั้งสอง จนกระทั่งต้องลำบากและตายลงในที่สุด
นักศึกษาและเพื่อนผู้ยากไร้ที่อยู่รวมหอพักเดียวกันเรี่ยไรเงินกัน ออกค่าทำศพ โดยที่ลูกสาวและลูกเขยผู้มีเงินและยศศักดิ์ทั้งคู่ไม่ได้ออกค่าใช้จ่ายใดๆ เลย
จากคอลัมน์ : สะดุดตัวหนังสือ
หนังสือสยามรัฐ
ชาวกรุง ๒๐๐๐ ปีที่ ๔ ฉบับที่ ๑๖๒