คนนอก
L'Etranger
ผู้เขียน: Albert Camus (อัลแบรต์ กามูส์)
ผู้แปล: อำพรรณ โอตระกูล
สำนักพิมพ์ สามัญชน
+++ รายละเอียดหนังสือ +++ [mr04]
กามูส์ใช้เทคนิคของโศกนาฏกรรมในการที่จะสร้างความสง่างามให้แก่ตัวละครเอกของเขาแต่ก็เป็นเรื่องโศกนาฏกรรมที่ไม่เหมือนโศกนาฏกรรมโบราณ เพราะในวรรณกรรมของกามูส์ โลกนี้เป็นโลกที่ไร้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นโลกที่ไม่มีพระเจ้า มนุษย์ต้องพึ่งตัวเอง
ในช่วงสุดท้ายแห่งชีวิต เมอโซได้มีโอกาสเปรียบเทียบว่าคนที่มีพระเจ้ากับคนเดนตายที่ไร้พระอย่างเขานั้น ใครจะเป็นที่พึ่งให้แก่ตนเองได้ดีกว่ากัน
นวนิยายเรื่องนี้แบ่งเป็นสองตอน ตอนแรกของหนังสือ เปิดฉากเมื่อเมอร์โซลท์รู้ข่าวว่าแม่ตาย จึงลางาน และเตรียมตัวไปร่วมพิธีศพ ในตอนนี้ เราจะเห็นภาพการใช้ชีวิตของเสมียนธรรมดาๆ คนหนึ่ง พบปะผู้คนในสังคมเล็กๆ อันมีเพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วมแฟล็ต และเจ้าของร้านอาหารที่เขาเป็นลูกค้าประจำ เรารู้ว่าเขาเป็นคนไม่มีความทะเยอทะยานในชีวิต เพราะไม่ใส่ใจที่จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งงาน เมื่อมารี สาวที่มีสัมพันธ์ด้วยในวันรุ่งขึ้นหลังจากไปฝังศพแม่ ถามว่ารักเธอไหม จะแต่งงานกับเธอไหม เขาก็ตอบว่า ความรักสำหรับเขาไม่มีความหมายอะไร และจะให้แต่งงานด้วยก็ได้ เมอร์โซลท์คงจะใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ กับการหาความพอใจทางกาย และไม่มีอะไรให้เดือดเนื้อร้อนใจ จนอยู่มาวันหนึ่ง โชคชะตาพลิกผัน เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เขาต้องไปพัวพันกับเรื่องวิวาทระหว่างเพื่อนร่วมแฟล็ตชาวฝรั่งเศสกับชาวอาหรับ เพราะฝ่ายแรกไปทำร้ายเมียเก็บซึ่งเป็นน้องสาวของฝ่ายหลัง หลังจากนั้น ขณะไปเที่ยวทะเลกับเพื่อนคนนี้ และชาวอาหรับตามไปห่างๆ เมอร์โซลท์เผชิญหน้ากับชาวอาหรับตอนออกไปเดินเล่น เมื่อเห็นเขาเดินเข้าไปใกล้ ก็ชักมีดออกมาถือไว้ในมือ บ่ายวันนั้นอากาศร้อนมาก เมอร์โซลท์รู้สึกได้ถึงความร้อนที่แผดเผา เขายิงปืนใส่ชาวอาหรับ ยิงครั้งเดียวยังไม่พอ ยังยิงซ้ำใส่ร่างที่แน่นิ่งไปแล้วอีกสี่นัด เหตุการณ์ครั้งนี้จะเปลี่ยนวิถีชีวิตเขาโดยสิ้นเชิง
ในตอนที่สอง คือภาพชีวิตของเมอร์โซลท์ในห้องขัง เขาถูกจับขังคุกอยู่นานเกือบปีก่อนที่จะมีการไต่สวนคดีในศาล ระหว่างนั้น ก็ถูกเรียกตัวไปสอบปากคำ สร้างความผิดหวังให้กับผู้พิพากษาไต่สวนความ ผู้เป็นชาวคริสต์ที่เคร่งครัด และคาดหวังว่าจะทำให้นักโทษรู้สึกสำนึกผิดและสารภาพบาปที่ได้กระทำลงไป เมื่อขึ้นศาลเพื่อรับฟังการไต่สวน เมอร์โซลท์รู้สึกว่าตัวเป็น ‘คนนอก’ ไม่ได้มีโอกาสพูด กลายเป็นทนายที่เป็นคนแก้ต่างให้ทั้งหมด ในที่สุดอัยการสรุปสำนวนว่า เมอร์โซลท์มีจิตใจเป็นฆาตกร บทพิสูจน์คือการแสดงออกของเขาในพิธีฝังศพแม่ คือไม่ร้องไห้ และสูบบุหรี่ขณะเฝ้าศพ การฆ่าชาวอาหรับจึงมีนัยว่าเป็นการกระทำโดยเจตนา เขาถูกตัดสินประหารชีวิต เพราะเป็นตัวอันตรายของสังคม ช่วงแรกๆ ในห้องขัง เขาบรรยายถึงความรู้สึกอึดอัดคับข้องใจ เมื่อขาดกิจกรรมทางเพศ และถูกห้ามสูบบุหรี่ แต่แล้วก็กลายเป็นความเคยชิน เขาคิดจะยื่นอุทธรณ์ แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ เราได้เห็นเขาแสดงอารมณ์โกรธเป็นครั้งแรกในช่วงท้ายๆ ของเรื่อง เมื่อเผชิญหน้ากับบาทหลวงซึ่งเข้ามาทำหน้าที่รับฟังคำสารภาพบาปของนักโทษ และพยายามหว่านล้อมให้นักโทษสารภาพบาปต่อพระเป็นเจ้า หลังจากนั้น ในค่ำคืนอันสงบ มองเห็นดาวเต็มท้องฟ้าจากหน้าต่างห้องขัง บันทึกเรื่องเล่าจบลงด้วยบทพรรณนาความในใจของนักโทษประหาร
