เมรัยพิฆาต
L’Assommoir
ชุด Les Rougon-Macquart Series #7
ผู้เขียน: เอมิล โซลา (Emile Zola)
ผู้แปล: ทัศนีย์ นาควัชระ
สำนักพิมพ์: อ่าน๑๐๑ สำนักพิมพ์
นักรบ มูลมานัส : ออกแบบปก
หนังสือมือหนึ่งสภาพดี
ปกแข็ง สันโค้ง เย็บกี่ กระดาษถนอมสายตา 75 แกรม
จำนวนหน้า 584 หน้า
ราคาปก 795 บาท ลดเหลือ 716 บาท
(ราคานี้ยังไม่รวมค่าจัดส่ง)
+++ รายละเอียดหนังสือ +++
บาร์อัซซ็อมมัวร์ ในกรุงปารีส เป็นสถานที่หย่อนใจคลายความเมื่อยล้าของเหล่ากรรมกรที่มีห้องเช่าอยู่ในละแวกนั้น ที่นี่ขายเมรัยราคาถูก แต่ฤทธิ์แรงพอที่จะ ‘ฟาดให้ฟุบ’ ผู้ดื่มจะได้เมาจนลืมความเหน็ดเหนื่อยจากงานหนัก และหลบลี้ไปจากปัญหาสารพันในชีวิตลำเค็ญของพวกเขาได้ชั่วครู่ชั่วยาม
แจร์แวส กับ ล็องติเยร์ ผัวหนุ่ม-เมียสาวจากเมืองทางใต้ของฝรั่งเศส หอบหิ้วลูกน้อยสองคนมาผจญชีวิตในกรุงปารีส หลังจากเงินมรดกที่มีติดตัวมาหมดลง พวกเขาก็เข้าตาจน ล็องติเยร์ทิ้งภาระให้แจร์แวสต้องทำงานรับจ้างซักรีดเพื่อเลี้ยงดูลูกชายทั้งสอง ยังดีอยู่บ้างที่มี กูโป ช่างมุงหลังคา คอยประคับประคองและเป็นที่พึ่งในยามยาก แจร์แวสฝันที่จะมีร้านซักรีดเป็นของตัวเอง จึงทุ่มเททำงานหนักและเก็บหอมรอมริบอย่างจริงจัง พยายามไม่เฉียดใกล้บาร์อัซซ็อมมัวร์เพราะยังฝังใจเรื่องพ่อขี้เมาที่ทุบตีทำร้ายเธอกับแม่ และไม่อยากเป็นคนไร้ความรับผิดชอบเหมือนล็องติเยร์ แต่ชีวิตของเธอได้ดำเนินมาถึงกลางวังวนของความทุกข์ยากนานัปการ แค่ความหวังเพียงเล็กน้อยว่าอยากลืมตาอ้าปากได้บ้าง ก็เป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญกว่าที่คิด
เมรัยพิฆาต เป็นนวนิยายยอดนิยมอีกเรื่องหนึ่งในชุด เลส์ รูกง-มักการ์ (Les Rougon-Macquart) ซึ่งมีมากถึง 20 เล่ม ผลงานของ เอมิล โซลา นักประพันธ์ชาวฝรั่งเศสผู้มีเกียรติภูมิสูงส่งในระดับโลก จากผลงานอันสะท้อนพันธกิจที่ว่า นักเขียนมีสิทธิ์ที่จะเปิดเผยบาดแผลอันน่าสะพรึงกลัวของสังคมเพื่อที่จะประกาศว่า “นี่คือโรคร้าย นี่คือเนื้อร้าย จงบำบัดรักษาโดยเร็ว อย่าปล่อยให้แผ่กระจายจนทำลายร่างกายให้ผุพังเลย”
ในเล่มนี้มีเรื่องราววัยเด็กและวัยรุ่นของเอเตียน ลูกชายคนที่สองของแจร์แวส มักการ์ ซึ่งจะกลายเป็นตัวเอกในเล่ม พืชพันธุ์แห่งการต่อสู้ (Germinal) เช่นเดียวกับโคล็ด พี่ชายคนโต ที่ได้กลายเป็นตัวเอกในเล่ม งานศิลป์ (L’Oeuvre) และ นาน่า น้องสาวคนที่สาม ก็ได้กลายเป็นตัวเอกในเล่ม นาน่า (Nana)
โปรยปกหลัง
เมรัยพิฆาต เป็นนวนิยายที่ได้รับความนิยมจากผู้อ่านในระดับสูงมาก ทั้งในยุคที่ผู้เขียนยังมีชีวิตอยู่และในยุคหลัง ๆ ตราบจนกระทั่งทุกวันนี้ มีผู้แปลเป็นภาษาต่าง ๆ มากมาย ซึ่งเท่ากับเป็นการยืนยันถึงความเป็นสากลของวรรณกรรมเรื่องนี้ อันที่จริงโซลาเป็นนักประพันธ์ที่มีเกียรติภูมิสูงส่งในระดับโลก เพราะมิใช่เป็นเพียงนักเขียนที่กอปรด้วยอัจฉริยภาพทางวรรณศิลป์เท่านั้น แต่สำนึกในเชิงสังคมและในเชิงจริยธรรมของเขาทำให้เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเขียนผู้บุกเบิกวิถีทางการต่อสู้เพื่อธำรงไว้ซึ่งสัจจะและความยุติธรรมในสังคม เรียกได้ว่า เขาเป็นหนึ่งในบรรดานักประพันธ์เอกของโลกที่เป็นเสียงแห่งมโนธรรมให้แก่มนุษยชาติ
แนะนําผู้ประพันธ์
เอมิล โซลา (Emile Zola) เป็นนักเขียนชาวฝรั่งเศสผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งในโลกวรรณกรรมตะวันตก นักเขียนผู้นี้เป็นผู้นําการเขียนนวนิยายแนวธรรมชาตินิยมที่ต่อเนื่องจากนวนิยายแนวสัจนิยม นั่นก็คือ เน้นความสําคัญของอิทธิพลทางกรรมพันธุ์และสภาพแวดล้อมต่อความรู้สึกนึกคิดและพฤติกรรมของมนุษย์ เปิดเผยความจริงทุกแง่มุมของสังคมโดยมิหวั่นเกรงต่อการตกเป็นเป้าการโจมตีของผู้ที่ไม่ยอมรับความจริง แต่เราต้องเข้าใจว่างานวรรณกรรมของโซลามิได้แต่เพียงเสนอความจริงโดยมิได้ปิดบังอําพรางเท่านั้น หากยังสะท้อนทัศนะของเขาเกี่ยวกับบทบาทของวรรณกรรมและพันธกิจของนักเขียน โดยกระตุ้นให้ผู้อ่านเกิดความสํานึกในด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและความสํานึกเชิงจริยธรรม ซึ่งเป็นการใช้วรรณกรรมในภารกิจอันสูงส่งด้วยการปลุกมโนสํานึกของมนุษยชาติ
โซลาเกิดเมื่อวันที่ 2 เมษายน ค.ศ. 1840 ที่กรุงปารีส บิดาเป็นวิศวกรเชื้อสายอิตาเลียน ในปี ค.ศ. 1843 ครอบครัวได้ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่เมืองเอ็กซ์-อ็อง-โปรว็องซ์ ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส โซลาได้รับการศึกษาขั้นประถมและมัธยมที่เมืองนั้น การที่บิดาของเขาได้ถึงแก่กรรมอย่างกะทันหัน เมื่อเขาอายุเพียง 7 ปี ครอบครัวโซลาจึงดำรงชีวิตอย่างอัตคัดขัดสน และได้ย้ายกลับมาอยู่ปารีสในเวลาต่อมา โซลาเข้าศึกษาต่อในขั้นมัธยมปลายที่โรงเรียนมัธยมแซ็งต์-หลุยส์ แต่โซลาไม่สําเร็จการศึกษาชั้นมัธยมเพราะสอบไล่ไม่ผ่าน จำเป็นต้องทํางานเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว โซลาเขียนบทความ เรื่องสั้น บทละคร นวนิยาย และเขียนคอลัมน์ประจําในหนังสือพิมพ์หลายฉบับในขณะที่ทํางานอยู่และหลังจากลาออกจากงานเพื่อยึดอาชีพเขียนหนังสืออย่างเดียว
นวนิยายเรื่อง L'Assommoir หรือ เมรัยพิฆาต ในพากย์ไทยเป็นเรื่องที่ 7 เขียนในปี ค.ศ. 1877 ซึ่งเป็นผลงานที่ประสบความสําเร็จอย่างใหญ่หลวงในยุคนั้นและในยุคต่อ ๆ มา