ขอบฟ้าขลิบทอง ผู้เขียน:
อุชเชนี สำนักพิมพ์:
ผีเสื้อหนังสือมือหนึ่งสภาพดี ตัวเล่มสภาพดีครับ แต่กระดาษหน้าแรกกับหนังหลังจะมีรอยเหลือง/จุดเหลือง มีสภาพเก่าจากการเก็บมานาน แต่เป็นหนังสือมือหนึ่งครับ
ราคาปก 129 บาท ลดเหลือ 116 บาท(ราคานี้ยังไม่รวมค่าจัดส่ง)+++ รายละเอียดหนังสือ +++ [mr06]
เป็นเล่มหนึ่งในรายการหนังสือดีที่ฅนไทยควรอ่านจำนวน ๑๐๐ เล่ม
หนังสือรวมบทกวีของ 'อุชเชนี' ระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๘๙ ถึงปี พ.ศ. ๒๕๓๑ ถือเป็นผลงานอมตะในวงการประพันธ์ เพราะแม้กาลเวลาได้ล่วงเลยไปนานถึงเกือบครึ่งศตวรรษ แต่ก็ยังได้รับความนิยมจากผู้สนใจสืบเนื่องกันเรื่อยมา 'ร้อยกรอง' หลายๆ บทในเล่มนี้ ได้นำไปใช้อ้างถึงสำหรับการศึกษาวิชาการประพันธ์ระดับอุดมศึกษาบางแห่ง
'ขอบฟ้าขลิบทอง' รองอรุณพร้อมด้วยรสคำ - รสความ จาก 'อุชเชนี' ผู้อาวุโส
จากปีพุทธศักราช ๒๔๘๙ เมื่อบทร้อยกรอง 'มะลิ' ผลิดอกบานหวานชื่นตราบจนทุกวันนี้ 'อุชเชนี' และ 'ขอบฟ้าขลิบทอง' ของเธอ ได้ผ่านพบกับเหตุการณ์ทั้งในทางสังคมและในทางวรรณกรรมมาแล้วอย่างหลายหลากและมากมายเคล้าระคนกัน
ในนั้น แน่นอน ย่อมมิได้เป็นเพียง 'ศัพท์สำเนียงแห่งความสงัด ในหยาดเยียบแห่งน้ำตา' เท่านั้น หากแต่ยังหมายถึง 'อาการโบกบ้าแห่งพายุ' และจิตใจ 'ที่หาญจะหอบดาวพราวเกลื่อนดิน---' อีกด้วย
ครั้งหนึ่ง นานกว่า ๔ ทศวรรษแล้ว
'ดรุณีนางหนึ่งรำพึงเอ่ย
สายฝนเอ๋ยหนาวเหน็บเจ็บไฉน
ใครรักเจ้าแล้วกลับแปรรังแกใจ
หรือจึงไห้ร่ำอยู่ไม่รู้แล้ว'
ต่อมา เมื่อมีผู้ถาม 'อยู่เพื่ออะไร' คำตอบของเธอนั้นเฉียบขาดยิ่ง
'ฉันอยู่เพื่อความฝันอันเพริศแพร้ว
เมื่อโลกแผ้วหลุดพ้นฅนหลอกหลอน
เมื่ออามิสฤทธิ์แรงแท่งทองปอนด์
มิอาจคลอนใจฅนให้หม่นมัว
ฉันอยู่เพื่อยุคทองของฅนยาก
ที่เขาถากทรกรรมซ้ำปั่นหัว
เพื่อความถูกที่เขาถมจมทั้งตัว
เพื่อความกลัวกลับกล้าบั่นอาธรรม'
และต่อมาเมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๓๐ 'ดรุณีนางหนึ่ง' ก็ 'รำพึงเอ่ย' ในท่วงทำนอง
'บรรเลงเพลงความเงียบ
ในหยาดเยียบน้ำตาริน
หักได้ฤาสายพิณ
ที่พลิ้วพร่างอยู่กลางใจ'
ไม่ว่าพายุจะพัดโบกอย่างบ้าคลั่งหรือสายแดดจะแผดจ้า ปลายปากกาของ 'อุชเชนี' ก็ยังไพเราะเสนาะพริ้ง เพื่อ 'รินศรัทธา' ต่อความหวังและความรักในชีวิตที่ดีกว่า
เป็นผู้ให้และคอยปลอบประโลมใจอยู่เหมือนเดิมไม่แปรเปลี่ยน
'จะอยู่ไหนมิเป็นไรที่รักจ๋า
รู้เถิดว่าทุกอรุณที่ครุ่นเห็น
ทุกสายัณห์ตะวันเลือนและเดือนเพ็ญ
มีใจเต้นของมนุษย์พิสุทธิ์ศรัทธา'
ครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว 'อุชเชนี' เคยจุดประกายฝันให้แก่นักกลอนอย่าง ประยอม ซองทอง ทุกวันนี้กวีนิพนธ์ของเธอก็ยังช่วยให้เสียงเต้นของหัวใจของกวีหนุ่มอีกหลายฅนสามารถยืนยันถึงความมีชีวิต
ชีวิตแห่งความฝันและความหวัง!
จากบทความ : หนังสือ โดย ดวงตา วรรณศิลป์
หนังสือพิมพ์มติชน วันที่ ๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๓๒