พระพรหมช่วย อำนวย ให้ชื่นฉ่ำ (ปกอ่อน) (มีตำหนิ กรุณาอ่านรายละเอียด)

พระพรหมช่วย อำนวย ให้ชื่นฉ่ำ (ปกอ่อน) (มีตำหนิ กรุณาอ่านรายละเอียด)
หมวดหมู่ สารคดี/ประวัติศาสตร์/วิทยาศาสตร์/ท่องเที่ยว/บันทึกการเดินทาง
ราคาปกติ 430.00 บาท
ลดเหลือ 386.00 บาท
สภาพ สินค้าใหม่
เพิ่มเติม สันอาจช้ำเล็กน้อย
ลงสินค้า 26 พ.ย. 2561
อัพเดทล่าสุด 7 ก.ย. 2564
ขออภัย สินค้าหมด
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay
พระพรหมช่วย อำนวย ให้ชื่นฉ่ำ (ปกอ่อน)

บรรณาธิการ: ชัยธวัช ตุลาธน
สำนักพิมพ์: ฟ้าเดียวกัน
หนังสือมือหนึ่งสภาพดีค่อนข้างดี สันอาจช้ำเล็กน้อย

ราคาปก 430 บาท ลดเหลือ 387 บาท
(ราคานี้ยังไม่รวมค่าจัดส่ง)


+++ รายละเอียดหนังสือ +++[mr04]

10 ปีให้หลังวิกฤตเศรษฐกิจ 2540 นิตยสาร Forbes ฉบับเดือนสิงหาคม 2550 ซึ่งติดตามจัดอันดับความร่ำรวยของเศรษฐีทั่วโลก ได้จัดอันดับกษัตริย์ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก (The World’s Richest Royals) เป็นครั้งแรก ปรากฏว่า สมเด็จพระราชาธิบดีฮัจญี ฮัสซานัล โบลเกียห์ สุลต่านแห่งประเทศบรูไน เป็นกษัตริย์ที่รวยที่สุดในโลกด้วยทรัพย์สิน 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชแห่งราชอาณาจักรไทยร่ำรวย ติดอันดับที่ 5 ด้วยมูลค่าทรัพย์สินรวม 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทว่าเพียงหนึ่งปีต่อมากษัตริย์ที่ร่ำรวยที่สุดในโลกตามการสำรวจของนิตยสาร Forbes เจ้าเดิม กลายเป็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งได้ก้าวกระโดดขึ้นสู่อันดับ 1 ด้วยทรัพย์สินรวม 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2552 และ 2553 ในหลวงของเราก็ครองอันดับ 1 อีกด้วยจำนวนทรัพย์สินมูลค่าประมาณ 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ผลของการจัดอันดับดังกล่าวได้ก่อให้เกิดความสนใจใคร่รู้เกี่ยวกับพระราช ทรัพย์ของสถาบันกษัตริย์ไทยอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่ามกลางบรรยากาศทางการเมืองหลังการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 แม้ว่ากระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เองจะออก มาชี้แจงว่า ทรัพย์สินส่วนพระมหา กษัตริย์ซึ่งนิตยสาร Forbes นำมาคำนวณเป็นทรัพย์สินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วยนั้น เป็นทรัพย์สินของรัฐหรือของแผ่นดิน ซึ่งมีรัฐบาล โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธานกรรมการทรัพย์สินส่วนพระมหา กษัตริย์ เป็นผู้รับผิดชอบ และมีสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นผู้ดูแล หาได้เป็นทรัพย์สินส่วนพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแต่อย่างใดไม่ ทั้งนี้สถานะของทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ของไทยนั้น ก็มีลักษณะเช่นเดียวกับ Crown Property ของกษัตริย์โดยทั่วไปในนานาอารยประเทศ ซึ่ง Forbes ก็มิได้นำมาคิดในการจัดอันดับกษัตริย์ของประเทศอื่น

แต่คำชี้แจงของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์และกระทรวงต่างประเทศ ก็ไม่สามารถตอบข้อสงสัยและข้อโต้แย้งที่ยังมีอยู่อีกมาก

อันที่จริง ก่อนหน้าที่ประเด็นเรื่องพระราชทรัพย์จะกลายเป็นที่สนใจใคร่รู้อย่างใน ปัจจุบัน ก็ยังพอจะมีงานศึกษาเกี่ยวกับทรัพย์สินของพระมหากษัตริย์อยู่บ้าง ทั้งในส่วนที่เกี่ยวกับทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ทั้งในส่วนที่เกี่ยวกับพระคลังข้างที่ แต่ก็พูดได้ว่ายังไม่มากพอ

ชิ้นสำคัญที่ศึกษา “พระคลังข้างที่” โดยตรง ได้แก่ งานของทวีศิลป์ สืบวัฒนะ เรื่อง “บทบาทของกรมพระคลังข้างที่ต่อการลงทุนทางเศรษฐกิจในอดีต (พ.ศ. 2433-2475)” ซึ่งตีพิมพ์ใน วารสารธรรมศาสตร์ ปีที่ 14 ฉบับที่ 2 (มิถุนายน 2528) และวิทยานิพนธ์อักษรศาสตรมหาบัณฑิต ภาควิชาประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร พ.ศ. 2529 ของชลลดา วัฒนศิริ เรื่อง “พระคลังข้างที่กับการลงทุนธุรกิจในประเทศ พ.ศ. 2433-2475″ ซึ่งภายหลังชลลดาได้เขียนบทความชื่อ “สำนักงานพระคลังข้างที่กับการลงทุนธุรกิจในประเทศไทย พ.ศ. 2433-2475” ตีพิมพ์ใน วารสารเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์ ปีที่ 6 ฉบับที่ 2 (มิถุนายน 2531) หลังจากนั้นจนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีงานศึกษาเกี่ยวกับพระคลังข้างที่ที่ดีกว่า ผลงานของชลลดา วัฒนศิริ

ส่วนการศึกษาเกี่ยวกับ “ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์” นั้น งานชิ้นแรกที่ควรกล่าวถึง แม้จะไม่ได้เป็นเรื่องทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์โดยตรง คืองานของสุพจน์ แจ้งเร็ว เรื่อง “คดียึดพระราชทรัพย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ” ซึ่งตีพิมพ์ในนิตยสาร ศิลปวัฒนธรรม ปีที่ 23 ฉบับที่ 8 (มิถุนายน 2545) งานชิ้นนี้ได้ให้ภาพของปัญหาว่าด้วยพระราชทรัพย์ในช่วงรอยต่อทางการเมือง หลังการปฏิวัติ 2475 ใหม่ๆ และกล่าวได้ว่างานชิ้นนี้เป็นงานบุกเบิกที่กระตุ้นให้หลายคนหันมาสนใจค้น คว้าเรื่องทรัพย์สินพระมหากษัตริย์หลัง 2475 เพิ่มเติม

จากนั้น สมศักดิ์ เจียมธีรสกุลก็ได้ส่ง “สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์คืออะไร?” มาตีพิมพ์ลง ฟ้าเดียวกัน ปีที่ 4 ฉบับที่ 1 (มกราคม-มีนาคม 2549) บทความชิ้นนี้เป็นงานที่เริ่มต้นศึกษาสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ โดยตรง (หากไม่นับรวมงานเขียน “ใต้ดิน” ของซ้ายไทยในทศวรรษ 2520) สมศักดิ์ได้ค้นคว้าเอกสารจากคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อตอบปัญหาเกี่ยวกับสถานะ ที่แท้จริงของสำนักงานทรัพย์สินฯ ซึ่งจะโยงไปสู่ปัญหาที่ใหญ่กว่านั้น คือ สถานะของสถาบันกษัตริย์และการเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์ในลักษณะที่เป็น ปฏิปักษ์ปฏิวัติ

ในปีเดียวกัน มีการเผยแพร่ผลงานในชุดโครงการวิจัยเรื่อง “โครงสร้างและพลวัตทุนไทยหลังวิกฤตเศรษฐกิจ” ซึ่งมี ศ. ดร. ผาสุก พงษ์ไพจิตร เมธีวิจัยอาวุโส สกว. เป็นหัวหน้าโครงการ โดยรวมเล่มตีพิมพ์ในชื่อ การต่อสู้ของทุนไทย: การเมือง วัฒนธรรม เพื่อความอยู่รอด (มติชน, 2549) จำนวน 2 เล่ม งานวิจัยหนึ่งในนั้นคืองานของพอพันธ์ อุยยานนท์ เรื่อง “สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์กับบทบาทการลงทุนทางธุรกิจ” ซึ่งเป็นงานวิชาการชิ้นแรก (และชิ้นเดียวจนถึงวันนี้) ที่ศึกษาบทบาทของทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ในเศรษฐกิจไทยได้อย่างครอบคลุม ทั้งในแง่มิติทางประวัติศาสตร์และในแง่ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสำนักงาน ทรัพย์สินฯ

ต่อมา ปราการ กลิ่นฟุ้งได้เขียนเรื่อง “เก็บภาษีมรดกในประเทศสยาม: ความเป็นมาของการตราพระราชบัญญัติอากรมฤดกและการรับมฤดก พุทธศักราช 2476” ตีพิมพ์ใน ฟ้าเดียวกัน ปีที่ 5 ฉบับที่ 1 (มกราคม-มีนาคม 2550) งานของปราการให้ภาพในรายละเอียดเพิ่มขึ้นว่า หลัง 2475 กระบวนการจัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ในระบอบรัฐธรรมนูญของคณะราษฎร นั้น เริ่มต้นตรงที่จุดไหน อย่างไร และปฏิกิริยาจากราชสำนักเป็นเช่นไร ปีถัดมา เราได้เห็นผลงานของภารุต เพ็ญพายัพ เรื่อง “ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์คืออะไร?: พระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ในบริบททางประวัติ ศาสตร์” ใน ฟ้าเดียวกัน ปีที่ 6 ฉบับที่ 3 (กรกฎาคม-กันยายน 2551) ที่ต่อยอดจากผลงานของสุพจน์ สมศักดิ์ และปราการ ไปถึงกระบวนการและเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์อันนำไปสู่การตรากฎหมายจัด ระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ พ.ศ. 2479 กระทั่งความพลิกผันทางการเมืองทำให้กฎหมายฉบับนี้ถูกแก้ไขจนมี “สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์” อย่างที่เรา (ไม่) รู้จักกันอยู่ในปัจจุบัน

นอกจากนี้แล้ว ในทางนิติศาสตร์ยังมีวิทยานิพนธ์นิติศาสตรมหาบัณฑิตของคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่เกี่ยวข้องอีก 2 ชิ้น ได้แก่ “การจัดการทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์” (2543) โดยสกุณา เทวะรัตน์มณีกุล และ “ความเป็นมาและปัญหาสถานะทางกฎหมายของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์” (2552) โดยกิตติศักดิ์ อุไรวงศ์

หนังสือเล่มนี้เป็นการนำเอางานที่กล่าวถึงข้างต้นส่วนหนึ่ง ได้แก่ งานของสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล, พอพันธ์ อุยยานนท์, ปราการ กลิ่นฟุ้ง, และภารุต เพ็ญพายัพ ซึ่งผ่านการแก้ไขและ/หรือปรับปรุงใหม่ มาตีพิมพ์รวมกัน และเพิ่มเติมงานของพรเพ็ญ ฮั่นตระกูล เรื่อง “การใช้จ่ายเงินแผ่นดินในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (พ.ศ. 2453-2468)” เข้ามาอีกชิ้นหนึ่ง บทความของพรเพ็ญนั้น มาจากวิทยานิพนธ์อักษรศาสตรมหาบัณฑิต แผนกวิชาประวัติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. 2517 ซึ่งแม้จะไม่ได้เกี่ยวกับพระคลังข้างที่หรือทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์โดย ตรง แต่ก็มีความสำคัญเพื่อทำความเข้าใจภาพรอยต่อระหว่างยุคปฏิรูปการคลังในสมัย รัชกาลที่ 5 อันเป็นจุดกำเนิดของกรมพระคลังข้างที่ กับยุคสมัยที่เป็นบั้นปลายของระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์

สำนักพิมพ์เองยังได้เขียน “บทนำ” อีกชิ้นหนึ่ง เพื่อหวังจะปูพื้นความเข้าใจทางประวัติศาสตร์ในเบื้องต้นว่าด้วยพระราช ทรัพย์ก่อนและหลัง 2475 รวมทั้งได้รวบรวมเอกสารสำคัญที่เกี่ยวข้อง ทั้งที่เป็นพระราชบัญญัติ ความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา และคำพิพากษาศาลฎีกา ไว้เป็นภาคผนวกท้ายเล่มด้วยเพื่อความสะดวกในการค้นคว้า

“ฟ้าเดียวกัน” หวังว่า ในอนาคตจะมีงานศึกษาใหม่ๆ ที่มีคุณภาพเกี่ยวกับทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ออกมาเพิ่มเติมอีก ซึ่งองค์ความรู้ที่เรามีอยู่ ณ ปัจจุบันถือได้ว่ายังอยู่ในขั้นเริ่มต้นเท่านั้น เรายังขาดแคลนความรู้เกี่ยวกับพระราชทรัพย์ในอีกหลายๆ เรื่อง อาทิเช่น บทบาทการลงทุนของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ในต่างประเทศ โดยเฉพาะหลังวิกฤตเศรษฐกิจ 2540, ความสัมพันธ์ของทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์กับเศรษฐกิจการเมืองระหว่าง ประเทศ, รายละเอียดของการสะสมทุนของทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ในบริบทเศรษฐกิจการ เมืองแต่ละยุคสมัย, บทบาทของทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ในกระบวนการกำหนดนโยบายของรัฐ, ความสัมพันธ์ของสำนักงานทรัพย์สินฯ กับกลุ่มทุนต่างๆ ของไทยและต่างประเทศ, ประเด็นทางกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวพันกับสำนักงานทรัพย์สินฯ, การใช้จ่ายเงินทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ของราชสำนัก, ที่มา รายรับรายจ่าย และการจัดการทรัพย์สินส่วนพระองค์ รวมไปถึงเงินที่มีผู้ถวายโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย ฯลฯ

พระพรหมช่วยอำนวยให้ชื่นฉ่ำ: เศรษฐกิจการเมืองว่าด้วยทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์หลัง 2475 เล่มนี้ เป็นหนังสือชุด “กษัตริย์ศึกษา” ลำดับที่ 2 ของสำนักพิมพ์ “ฟ้าเดียวกัน” ซึ่งพยายามรวบรวมงานศึกษาที่แวดล้อมสถาบันกษัตริย์ ทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม เนื่องจากเราเห็นว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใจสังคมไทยอย่างถึงรากโดยละเลยองค์ความรู้เรื่อง สถาบันกษัตริย์ ไม่ว่าเราจะมีทัศนะต่อบทบาทหรือการดำรงอยู่ของสถาบันกษัตริย์อย่างไร

 

บทนำ
พระราชทรัพย์ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ และในระยะเปลี่ยนผ่าน
ธนาพล อิ๋วสกุล ชัยธวัช ตุลาธน

บทที่ 1
การใช้จ่ายเงินแผ่นดินในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (พ.ศ. 2453-2468)
พรเพ็ญ ฮั่นตระกูล

บทที่ 2
การจัดการทรัพย์สินกษัตริย์ในสมัยคณะราษฎรยุคต้น
ปราการ กลิ่นฟุ้ง

บทที่ 3
ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์คืออะไร? : พระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ในบริบททางประวัติศาสตร์
ภารุต เพ็ญพายัพ

บทที่ 4
สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์คืออะไร?
สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล

บทที่ 5
สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์กับบทบาทการลงทุนทางธุรกิจ
พอพันธ์ อุยยานนท์

วิธีการชำระเงิน

ธนาคารออมสิน สาขากรมการลงสุล ออมทรัพย์

ติดต่อเรา

0659356588

สถิติร้านค้า

หน้าที่เข้าชม3,135,840 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด1,784,270 ครั้ง
เปิดร้าน8 พ.ค. 2557
ร้านค้าอัพเดท6 ก.ย. 2568

หมวดหมู่สินค้า

ระบบสมาชิก

รายการสั่งซื้อของฉัน
เข้าสู่ระบบด้วย
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก

ยังไม่มีบัญชีเทพ สร้างบัญชีใหม่ ไม่มีค่าใช้จ่าย
สมัครสมาชิก (ฟรี)
รายการสั่งซื้อของฉัน
ข้อมูลร้านค้านี้
ร้าน10000tipBOOK
10000tipBOOK
10000tipbook แห่งนี้ก็เป็นร้านจำหน่ายหนังสือทั้งมือหนึ่งและมือสอง (ส่วนมากจะหนักไปทางมือหนึ่งครับตอนนี้) ซึ่งเจ้าของร้านก็ไม่ใช่ใคร ก็คือ "หมื่นทิพ" คนที่ชอบขีดๆ เขียนๆ เรื่องหนังและหนังสือนั่นเอง โดยที่ทุกท่านสามารถแวะเข้าไปทำความรู้จักกับผมได้ตามเว็บไซต์ต่อไปนี้นะครับ facebook.com/10000tip อีกแห่งคือเฟซบุ๊คของร้านหนังสือแห่งนี้แนะนำว่าให้ลองแวะไปทำความรู้จักตามที่เหล่านี้ก่อนเพื่อความสบายใจยามจะสั่งสินค้านะครับ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่านจะได้พบเจอหนังสือที่ต้องการ และพึงพอใจในบริการจากใจในเว็บของเรานะครับ ขอบคุณครับ
เบอร์โทร : 0659356588
อีเมล : anochawang@gmail.com
ส่งข้อความติดต่อร้าน
เกี่ยวกับร้านค้านี้
สินค้าที่ดูล่าสุด
ดูสินค้าทั้งหมดในร้าน
สินค้าที่ดูล่าสุด
บันทึกเป็นร้านโปรด
Join เป็นสมาชิกร้าน
แชร์หน้านี้
แชร์หน้านี้

TOP เลื่อนขึ้นบนสุด
พูดคุย-สอบถาม